9 สิ่งที่ต้องทำ เพื่อป้องกันความเสี่ยงในบ้านที่อาจเกิดกับเด็ก
คุณคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า ‘ชีวิตของเราจะเปลี่ยนไปหลังจากคลอดลูก’ ทั้งเรื่องชีวิตส่วนตัวรวมถึงเรื่องบ้าน โดยเฉพาะเรื่องบ้านที่กว่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมคงต้องใช้เวลาอีกหลายปี เพราะบ้านถือเป็นสถานที่ที่แรกที่เด็กจะได้ใช้เป็นพื้นที่เรียนรู้ในการปฏิบัติตัว ว่ามีอะไรบ้างที่เล่นได้และอะไรที่ไม่ควรซน เราคงไม่แนะนำให้ย้ายของทุกชิ้นที่มีออกจากบ้านเพียงเพราะคุณมีลูกเล็กหรือใกล้จะคลอด เพียงแต่ต้องเตรียมพร้อมเรื่องความปลอดภัย เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้น
9 สิ่งที่ต้องทำเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในบ้าน
1. เวลาเลือกซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ สำหรับเด็กควรได้มาตรฐาน เช่น เตียง ชิงช้า รถเข็น ควรศึกษาข้อมูลต่างๆ เพื่อเป็นแนวทางสำหรับการเลือกอุปกรณ์และของใช้สำหรับเด็กที่ได้มาตรฐาน ซึ่งถูกออกแบบและทดสอบเพื่อความปลอดภัยของเด็ก
2. เก็บสายไฟ และวัตถุชิ้นเล็กที่เด็กสามารถกลืนลงคอให้พ้นมือเด็ก เพราะในช่วงที่ฟันของลูกน้อยกำลังจะขึ้น เด็กจะคันเหงือกและอยากกัดทุกอย่างที่คว้าได้
3. เก็บผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มักมีสีสันสดใสและกลิ่นหอมให้พ้นมือเด็ก เนื่องจากน้องๆ หนูๆ ยังไม่เข้าใจความแตกต่างระหว่างน้ำผลไม้และน้ำยาทำความสะอาด ดังนั้นจึงควรเก็บให้พ้นมือเด็ก ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
4. หน้าต่างควรมีที่ล็อคอย่างแน่นหนาเพื่อป้องกันเด็กพลัดหล่นจากตึก นอกจากนี้ไม่ควรวางเตียงเด็กหรือเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ไว้ใกล้หน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้ เพราะ เด็กอาจปีนป่ายและตกตึกได้www.ddproperty.com
5. ไม่ควรปล่อยให้เด็กอยู่บนโต๊ะเปลี่ยนผ้าอ้อมตามลำพัง เพราะเด็กอาจกลิ้งตกลงมาหรือไม่ก็ค่อยๆ ขยับตัวมาจนถึงขอบโต๊ะได้
6. ควบคุมอุณหภูมิของเครื่องทำน้ำอุ่นที่ลูกสามารถเปิดปิดได้ด้วยตัวเอง เพื่อป้องกันน้ำร้อนลวกซึ่งสามารถสร้างความเจ็บปวดได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผิวที่บอบบางของเด็ก
7. ไม่ควรใช้หมอนและผ้าห่มที่มีน้ำหนักมากบนที่นอนเด็ก ผ้าห่มที่ควรใช้ควรเป็นผืนใหญ่ผืนเดียวที่สามารถเก็บชายผ้าห่มไว้ที่ใต้เบาะได้ ซึ่งจะปลอดภัยกว่าการใช้ผ้าห่มหลายๆ ผืน ที่อาจพันตัวเด็กได้
8. ควรผูกเชือกสำหรับดึงผ้าม่านให้สั้นลงและพ้นมือเด็ก
9. เครื่องหอมและดอกไม้แห้งควรเก็บให้พ้นมือเด็ก น้ำมันและสารเคมีต่างๆ ก็เช่นเดียวกัน เพราะว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสารพิษ แต่เด็กๆ อาจคิดว่าเป็นขนม
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก www.ddproperty.com